รอบรู้เรื่องสติ๊กเกอร์

Last updated: 5 ต.ค. 2564  |  619 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รอบรู้เรื่องสติ๊กเกอร์

 

1. พิมพ์สติ๊กเกอร์ใสเงา ควรเลือกใช้สีโทนไหนได้บ้างถึงจะมองเห็นตัวอักษร?
ลูกค้าที่ต้องการจะพิมพ์สติ๊กเกอร์เนื้อวัสุดแบบใส วันนี้เราจะมาแนะนำโทนสีที่จะเหมาะกับการนำไปใช้ออกแบบครับ
สีโทนแรกเลย คงจะหนีไม่พ้น สีโทนทึบๆ เข้ม ๆ (เช่น สีดำเข้ม สีแดงเข้ม ) เป็นต้น รองลงมาก็คงจะเป็นสีสดใส แต่ต้องใช้ปรับโทนเข้มๆ
ทั้งนี้ การจะใช้สีสัน ควรดูสีของบรรจุภัณฑ์ด้วยนะครับ เช่น สีบรรจุภัณฑ์เป็นสีขาว ก็คงใช้สีสันสดใสเข้มๆ ได้ เพราะถ้าติดไปแล้วจะทำ
มองเห็นครับ ส่วนสีอ่อนๆ ก็พอได้ แต่คงจะอ่านไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ส่วนถ้าใช้แบบบรรจุภัณฑ์แบบใส หรือแบบกระปุกครีมแบบใส
แนะนำให้เล่นลวดลายกราฟฟิคผสมกับตัวอักษร แต่ควรใช้สีโทนทึบเข้มๆ เท่านั้นนะครับ เพราะจะทำให้มองเห็นชัดเจนครับ

 

 

2. งานพิมพ์สติ๊กเกอร์ติดสินค้า ที่เน้นรูปทรงไดคัทตามรูปทรงของแบบดีไซน์
จากที่ได้พูดคุยกับลูกค้าหลายๆ ท่าน ปรึกษาเกี่ยวกับรูปทรงไดคัท (แบบพิเศษ) ก่อนอื่นคงต้องอธิบายถึงรูปทรงไดคัท แบบพิเศษนี้กันก่อน

นะครับ ถ้าจะให้มองเห็นภาพเลย ให้ลองนึกถึงรูปภาพผลไม้ ขอยกตัวอย่าง ภาพผลแอปเปิ้ล (1 ผล) แล้วกันครับ ถ้าต้องการจะไดคัทรูปทรง

ของผลแอปเปิ้ล แต่จะไม่ได้ไดคัทรูปทรงทั้งหมด อาจจะไดคัทส่วนบน หรือด้านข้าง เท่านั้น (เพื่อสร้างความแตกต่าง) หรือความน่าสนใจ

ในงานออกแบบสติ๊กเกอร์ ซึ่งหากนำไปติดบนบรรจุภัณฑ์ก็ทำให้ดูน่าซื้อ หรือเป็นส่วนเสริมความน่าจดจำได้ด้วยครับ

การไดคัทรูปทรง (พิเศษ) จะนิยมสั่งทำในผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือความสวยความงานเป็นส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการสร้างบุคลิกของตัวสินค้า

ไปในตัวด้วยครับ แต่อาจจะเพิ่มต้นทุนสักหน่อย เพราะเวลาจะไดคัทรูปทรงแบบนี้ อาจจะต้องใช้พื้นที่มากขึ้นกว่าไดคัทแบบเหลี่ยมธรรมดาครับ

อธิบายความหมายคำว่า "ไดคัท" : คือ การตัดรูปทรงแบบต่าง ในความหมายของการสั่งพิมพ์ เช่น  เหลี่ยม  กลม  ทรงรี  ทรงมน  หรืออื่น

 

3. การเลือก ขนาดงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ไดคัท จำเป็นไหม แล้วมีผลต่อต้นทุนได้อย่างไรบ้าง?
วันนี้เรามีคำแนะนำ สำหรับการเลือก ขนาดสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ดูเหมาะสมกับการนำไปติดบนบรรจุภัณฑ์ครับ

จริงๆ แล้ว การติดสติ๊กเกอร์ ก็เป็นงานศิลป์เหมือนกันนะครับ เพราะการติดจะนำไปติดเอียง ติดแบบตรง หรือ

ติดแนวอื่นๆ ก็สร้างสร้างความเก๋ไก๋ หรือน่าดึงดูดใจเหมือนกัน แต่จุดประสงค์หลักๆ ก็น่าจะเพื่อแจ้งชื่อสินค้า ส่วนประกอบ

หรือข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต้องบอก หรือให้รายละเอียดแก่ผู้ซื้อ โดยอาจจะเคยเห็นมาบ้างแล้วว่า ขนาดสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่

บนบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็จะมีขนาดแตกต่าง ๆ กันไป เป็นเพราะต้องการให้ติดแล้วดูสวยงาม หรือพื้นที่สำหรับใส่ข้อมูล

มีมากน้อยต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญที่จะแนะก็คือ ควรจะให้มีขนาดที่จะต้องดูเหมาะสมกับรูปแบบบรรจุภัณฑ์จะดีกว่านะครับ

เพราะจะทำให้ดูสมดุล และเหมาะสม จะช่วยทำให้สินค้าดูมีมูลค่ามากยิ่งขึ้นครับ

 

 

4. ขนาดสติ๊กเกอร์เล็ก...ใหญ่สำคัญไหม?
ถ้าจะพูดถึงเรื่อง ของการสั่งพิมพ์สติ๊กเกอร์สินค้า อย่างแรกคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการกำหนดขนาดความต้องการก่อนลำดับต้นๆ

ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื้อที่ของสติ๊กเกอร์เพียงพอต่อความต้องการที่จะใส่ในรายละเอียดหรือเปล่า บางร้านค้า อาจต้องการแค่ใส่ Logo

เบอร์โทรเท่านั้น หรือบางร้านอาจต้องการบอกรายละเอียดของตัวสินค้ามากกว่าปกติ ถือว่าเป็นปัยจัยหลักในการเลือกขนาด

แต่ทั้งนี้ การทำสติ๊กเกอร์ก็เหมือนกับการโฆษณา บอกถึงชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อร้าน และเบอร์ติดต่อกลับหากสนใจสินค้านี้ในครั้งๆต่อไป 

 

 

5.ข้อมูลที่ควรจะมีบนป้ายสินค้า สติ๊กเกอร์สินค้า ควรมีอะไรบ้าง?
บางครั้งเคยสังเกตุไหมว่า...ป้ายฉลากสินค้า บางชิ้นที่ติดสินค้ามาบางทีก็ไม่ได้บอกอะไรเลย

มีเพียงแต่ชื่อสินค้า หรือโลโก้สินค้า เท่านั้น  (แต่ผมจะบอกว่าทำได้ครับถ้า Brand)

สินค้านั้นติดตลาดแล้ว หรือพูดง่ายๆ ว่ามีคนรู้จักเยอะแล้ว แต่สำหรับร้านค้าเล็กๆ หรือ

ธุรกิจขนาดย่อมจะทำอย่างนั้นได้ไหม ในความคิดของผมคิดว่าทำได้ครับ เพียงแต่ว่า

แล้วลูกค้าจะได้อะไรบ้าง และจดจำได้แค่ไหน ผมในฐานะที่อยู่ในธุรกิจสิ่งพิมพ์มานาน

สิ่งหนึ่งที่ลูกค้าของผมเค้าอยากให้มีข้อมูลก็จะมี

1. ชื่อสินค้า และโลโก้สินค้า (เน้นๆ) เพื่อสร้างความจดจำในชื่อสินค้า

2. บอกรายละเอียดข้อมูลสินค้า เช่น ส่วนผสม-ส่วนประกอบ, อัตราส่วน, วิธีการใช้อย่างถูกต้อง

3. แหล่งผู้ผลิตและผู้จำหน่าย สำคัญมากเพราะจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าได้มาก

4. ตรารับรองคุณภาพ (ถ้ามี) บางสินค้าอาจต้องใช้ทำให้ความมั่นใจมากขึ้น

5. ชื่อบริษัทของคุณ (บางร้านอาจลืมคิดไปว่าแค่ชื่อสินค้าก็เพียงพอแล้ว)

6. เบอร์โทรศัพท์ของคุณ (ลูกค้าสามารถโทรสอบถามตัวสินค้ากับคุณได้อีกทางหนึ่ง)

7. ชื่อเว็บไซต์ (ควรจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า)

8. อีเมลล์บริษัท (สำคัญนะผมว่า และก็สะดวก ประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียว) 

9. ปริมาณ และราคาขาย (ควรจะใส่ไว้เพื่อป้องกันการขายเกินราคา) คร่าวๆ ก็จะมีประมาณนี้ครับผม 
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้