Last updated: 11 ก.พ. 2564 | 1028 จำนวนผู้เข้าชม |
ความแตกต่างระหว่าง DPI กับ PPI
หลายคนอาจเกิดความสับสนและยังมีคำถามมากมายจนทำการให้เกิดการสับสนในการใช้งานซึ่งเป็นปัญหาอย่างมากในการทำงานซึ่งบทความบทนี้จะมาไขข้อข้องใจให้กับหลาย ๆ คนที่กำลังสับสน ในขั้นตอนการสั่งพิมพ์นั้นสิ่งที่สำคัญคือการที่เราต้องเตรียมไฟล์อาร์ตเวิร์คที่ถูกต้องถ้าหากคุณไม่ได้ออกแบบมาเผื่อ Margin หรือ Bleed ก็อาจจะถูกตัดผลงานออก หรือหากคุณภาพของรูปภาพนั้นมีความละเอียดไม่เพียงพอหรือไม่มีความเหมาะสมสำหรับจะใช้ในงานพิมพ์ ก็จะทำให้งานพิมพ์นั้นไม่มีคุณภาพ
DPI ย่อมาจาก Dots Per Inchแ
ถ้าจะให้นิยามความหมายสั้น ๆ ก็คือ DPI มีหน้าที่หลักๆคือเป็นหน่วยที่สำหรับวัดค่าความละเอียดของภาพที่เรานั้นจำเป็นต่อการเลือกใช้สำหรับงานพิมพ์เพื่อให้งานพิมพ์ของเรานั้นออกมาดีและมีคณภาพมากที่สุดซึ่งถ้ายิ่งมีจำนวนของจุดมากเท่าไรนั้นความคมชัดของรูปภาพนั้นก็จะยิ่งมีมากขึ้นตาม เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเครื่องพิมพ์นั้นไม่มีความสามารถที่จะรักษาค่าของ Dot ให้เท่ากับค่า Pixel ได้และการพิมพ์ลงบนกระดาษนั้นถ้าหากกระดาษนั้นมีความแตกต่างกันก็ยิ่งทำให้กระดาษไม่สามารถรับหมึกได้เท่ากันด้วยเหตุนี้จึงอาจจะส่งผลให้เกิดความไม่สม่ำเสมอของภาพ และความคมชัดของภาพ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากภาพมีความละเอียดอยู่ที่ 2000 DPI ก็จะมีความละเอียดและความคมชัดของภาพมากกว่ารูปภาพที่มีค่าความละเอียดแค่ 1000 DPI
PPI ย่อมาจาก Pixels Per Inch
PPI นั้นคือเป็นค่าบอกความละเอียดที่บอกตรงหน้าจอแสดงผลจะแสดงผลออกมาในรูปแบบของ จำนวนเม็ด Pixel ที่แสดงผลขนาด 1 ตารางนิ้ว เช่น หน้าจอทีวี หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เนื้องจากทั้ง2หน่วยนั้นจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ของนิ้วอาจจะพูดได้ว่าจำนวนPixelนั้นจะมีความเท่ากัน โดยปกตินั้นหน้าจอที่ใช้สำหรับการแสดงผลนั้นจะมีค่าความละเอียดทั้งหมดอยู่ที่ 72PPIหรือจะเทียบง่ายๆคือ 1 นิ้วนั้นจะมีค่าที่ใช้แสดงผลในหน้าจอที่ 72Pixel ซึ่งเรามักจะเจอใน CCD หรือ CMOS ของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งแต่ละจุดของค่า Pixel นั้นจะมีความสามารถที่จะแสดงผลหรือจะสามารถรับแสงได้ตามค่าแสงนั้น และตามขนาดของ Pixel ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นั้นเอง
11 ม.ค. 2565
19 ม.ค. 2565
25 ม.ค. 2565
23 ธ.ค. 2564